พระกริ่ง 3รุ่นของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ได้แก่ “พระกริ่งรุ่นบารมี” ,”พระกริ่งจักรพรรดิ์”และ”พระกริ่งพระแกัวมรกต”
” พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา ” ขอนำ” พระกริ่ง หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ” ที่เป็นของแท้(ขอย้ำ) มาให้ท่านสมาชิกได้ศึกษาพิจารณา
หลวงปู่หมุน ฐิตสีโลเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น พระปรมาจารย์อมตะมหาเถระ 5 แผ่นดิน แห่งวัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ สำหรับความเกี่ยวพันของหลวงปู่หมุนกับวัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว นั้น เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ได้ให้ความดูแลและอุปถัมภ์โดยได้หาทุนจัดสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุภายในวัดมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ท่านได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไปอย่างมาก ในการจัดสร้างพระหลวงปู่หมุนนั้น พระอาจารย์ขวัญเมืองแห่งวัดป่าหนองหล่ม บอกว่าเป็นเรื่องแปลกว่า พระหลวงปู่หมุนรุ่น ๑ กับรุ่นแรกเป็นคนละรุ่นกัน พระหลวงปู่หมุนรุ่น ๑ ออกวัดป่าหนองหล่ม สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๑ ออกแจกเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๒
สำหรับพระกริ่งรุ่นแรกๆของหลวงปู่หมุนที่ได้มีการสร้างไว้นั้นได้แก่
1.พระกริ่งที่จัดสร้างเป็นครั้งแรกคือ”รุ่นบารมี” โดยสร้างที่วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ ในปีพ.ศ.2530
2.พระกริ่งที่จัดสร้างครั้งที่ 2 ขณะที่ท่านอายุได้ 103ปี ในปีพ.ศ.2542 ซึ่งมีการสร้างไว้ทั้งหมด 2พิมพ์ จาก 2 วัดคือ
2.1 “พระกริ่งจักรพรรดิ์ สร้างที่วัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ”ในปีพ.ศ.2542
2.2 “พระกริ่งพระแก้วมรกต รุ่นที่ ๑” สร้างที่วัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว ในปีพ.ศ.2542
– อายุการสร้างของพระกริ่งทั้ง 3พิมพ์นั้นคือ ประมาณ 24ปี(พ.ศ.2530) และ 36ปี(พ.ศ.2542) “แต่ถ้าท่านลองค้นหาในสื่อออนไลน์ทั้งหมดจะพบว่ามีแต่ของเลียนแบบแทบทั้งสิ้น” ปัจจุบันนี้ไม่ใช่เฉพาะพระเครื่องรุ่นเก่าๆเท่านั้นที่มีการปลอมแปลง แต่พระเครื่องรุ่นใหม่ๆก็มีของปลอมแทบทั้งสิ้น ดังนั้นท่านที่ต้องการเก็บสะสมจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ท่านจะเอาชื่อเสียงของบุคคลหรือของ กลุ่มบุคคลที่เป็นที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงมาเป็นเครื่องชี้วัดความแท้ของพระเครื่องไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
หลักการพิจารณาพระแท้นั้น ต้องมีครบทั้ง 3 องค์ประกอบ(จะขาดข้อหนึ่งข้อใดไม่ได้เป็นอันขาด)คือ
1.อายุของพระกริ่ง 24ปีและ 36ปี จะต้องมีความเก่าสมอายุ
-อายุของโลหะจะพิจารณาได้จากเนื้อโลหะเช่น ที่เป็นเนื้อนวโลหะเก่านั้นผิวจะต้องกลับดำ สีดำจะหม่นเป็นธรรมชาติ แต่ของเลียนแบบที่ทำใหม่จะยังไม่กลับดำแต่จะทำเป็นรมดำแทน ซึ่งสีดำจะต่างกับการกลับดำตามธรรมชาติชัดเจน โดยสีดำของพระเลียนแบบจะดูใหม่,วาวเวลาถ่ายภาพ
-การหดตัว,ตึงตัวของผิวโลหะต้องเป็นไปตามอายุ ไม่บวม
2.รายละเอียดของพิมพ์(พุทธศิลป์)และวิธีการสร้างจะต้องถูกต้องครบถ้วน โดยจะต้องพิจารณาถึง
1. รายละเอียดของพิมพ์ที่ต้องละเอียด,งดงาม,มีมิติ ที่เรียกว่า”นิ่มตา”
2.รายละเอียดของโค้ดที่ตอกทั้งหมด ในแต่ละรุ่นจะต่างกัน ของปลอมโค้ดจะไม่เหมือนและทำไม่เรียบร้อย
3.วิธีการทำและความเรียบร้อยในการอุดกริ่งนั้นก็ต้องพิจารณาด้วยทุกครั้ง
-รายละเอียดพิมพ์นั้นถ้าหากท่านไม่เคยเห็นของแท้มาก่อนเลยก็ยากที่จากพิจารณาในการแยกแยะของปลอมออกได้ ” ดังนั้นทางพิพิธภัณฑ์จึงได้นำพระกริ่งของแท้ทั้ง 3แบบ(ขอย้ำ)มาให้ศึกษาและพิจารณาในรายละเอียด เพื่อนำไปใช้เปรียบเทียบได้”
-พิจารณาการสร้างที่ถูกต้อง
1. โดยพระกริ่งทั้ง 3รุ่นนั้นสร้างด้วยวิธิหล่อแบบเบ้าประกบ ดังนั้นด้านข้างขององค์พระทั้ง 2ด้านจะต้องเห็นร่องรอยเส้นของตะเข็บแม่พิมพ์ด้านหน้าและด้านหลังที่มาประกบกัน
2.ต้องมีร่องรอยคราบขีัเบ้าของแม่พิมพ์ที่อยู่ในซอกลึกๆ โดยในร่องหรือซอกต่างๆขององค์พระกริ่งนั้นต้องไม่สะอาดหมดจดผิดธรรมชาติของพระหล่อ
3.การอุดกริ่งและการตอดโค้ดกำกับต้องถูกต้องและงานละเอียดเรียบร้อย. ในของปลอมงานจะหยาบ
3.วัสดุหรือมวลสารที่ใช้สร้างต้องถูกต้อง ในที่นี้หมายถึงโลหะที่ใช้สร้างหรือการหล่อ โลหะที่ใช้ปิดในการอุดกริ่งต่างๆ จะต้องถูกต้องด้วยเช่นกัน สิ่งต่างๆเหล่านี้จะต้องนำมาประกอบการพิจารณาด้วยทั้งหมด
-ให้ท่านพิจารณาลักษณะทางกายภาพภายนอกของพระกริ่งทั้ง 3แบบให้เข้าใจลึกซึ้ง ทั้งรายละเอียดของสีโลหะแต่ละชนิด,สีของสนิม,สีของเนื้อนวะโลหะที่กลับดำและสีของโลหะที่ในใช้การอุดกริ่ง ว่าแต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไรเพราะของที่ทำปลอมนั้นเมื่อนำภาพมาเปรียบเทียบจะมีความแตกต่างกันให้เห็นอย่างชัดเจน
ท่านสามารถศึกษาพระเครื่องหมวดอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.puttharugsa.com และช่องยูทูป “พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา” ครับ