Select Page

พระเบญจภาคีเนื้อชิน “พระพุทธชินราชใบเสมา” จ.พิษณุโลก

“พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา” ขอนำพระพุทธชินราชใบเสมา เนื้อชินกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก อายุประมาณ 600-700ปี ซึ่งนำมาให้ชมเป็นลำดับที่ 2ในเบญจภาคีของพระเนื้อชินของเมืองไทย มาให้ท่านสมาชิกได้ศึกษาและพิจารณา ซึ่งในครั้งนี้ได้นำพิมพ์และวัสดุที่ใช้สร้างทุกแบบที่ยังไม่เคยมีใครเคยนำมาแสดงให้ชมมาก่อน พร้อมคำอธิบายเเละรูปภาพประกอบโดยละเอียด
พระพุทธชินราชใบเสมานั้นมีพุทธศิลป์อยู่ในสมัยสุโขทัยและสมัยอู่ทองยุคต้น โดยองค์พระเป็นเนื้อชินซึ่งเป็นโลหะผสมระหว่างดีบุกและตะกั่ว โดยเป็นการหล่อแบบโบราณแบบครึ่งซีกรูปทรงของพิมพ์คล้ายเสมา ด้านหน้าเป็นรูปจำลององค์พระประธานนั่งปางมารวิชัยเหนือฐานบัวคว่ำ บัวหงาย ในซุ้มเรือนแก้ว ด้านหลังเป็นลายผ้าที่เกิดจากการกดแม่พิมพ์ถูกค้นพบครั้งแรกในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก ในปี พ.ศ.๒๔๔๐ ในรัชสมัยสมัย ร.๕ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นพระที่พระมหาธรรมราชาได้ทรงสร้างและบรรจุไว้เมื่อครั้งสร้างวัด ซึ่งมีองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชเป็นพระประธาน ด้วยรูปองค์ทรงที่คล้ายกับเสมาและพิมพ์ที่องค์พระประธานมีพุทธลักษณะคล้ายกับองค์พระพุทธชินราช จึงได้เรียกชื่อพิมพ์ลักษณะนี้ว่า “พระพุทธชินราชใบเสมา” นอกจากกรุวัดพระศรีฯแล้ว ยังพบได้ที่กรุต่างๆของจังหวัดพิษณุโลก อีกเช่น
– กรุพระปรางค์
– กรุอัฏฐารส
– กรุเขาสมอแคลง
– กรุพรหมพิราม
– กรุเขาพนมเพลิง
สำหรับวัสดุที่ใช้สร้างไม่ใช่มีเพียงเนื้อชินเท่านั้น ยังพบว่ามีเนื้อสัมฤทธิ์ และเนื้อดินเผาด้วยเช่นกัน ส่วนในเรื่องของพิมพ์นอกจากมีการแบ่งพิมพ์ตามขนาดเป็นพิมพ์ใหญ่ กลาง และเล็ก ทุกพิมพ์มีทั้งแบบฐานสูง ฐานเตี้ย และในครั้งนี้ได้นำพิมพ์ที่แทบจะไม่เคยมีใครกล่าวถึงไว้มาให้ศึกษาด้วยอีกพิมพ์หนึ่งด้วย นั่นคือ”พิมพ์ซ้อน” หรือ “พิมพ์ 2หน้า” ซึ่งพบเห็นได้น้อยมากที่สุด
การพิจารณาพระแท้นั้นจะต้องมีครบทั้ง 3องค์ประกอบคือ
1.พิมพ์และวิธีการสร้างถูกต้อง
– พิมพ์นั้นเนื่องจากพระพระหล่อโบราณโดยเฉพาะเนื้อโลหะที่เป็นชินนั้นผู้สร้างจะเป็นขุนนางชั้นสูงหรือพระราชา ดังนั้นช่างที่มาออกแบบและสร้างพระจึงต้องเป็นช่างที่มีความสามารถสูงหรือช่างหลวง ทำให้พุทธศิลป์ที่พบเห็นจะต้องมีความละเอียด,สมบูรณ์และงดงาม เช่น
– พระพักตร์(ใบหน้า) ของพระประธานมองลงต่ำ จุดนี้เป็นเอกลักษณ์ที่ต้องพิจารณา รายละเอียดบนพระพักตร์ไม่ว่าจะเป็นตา,คิ้ว,จมูกและปากจะมีรายละเอียดที่สมบูรณ์ชัดเจน
– พระเกศและยอดพระเกศมีมิติ,สมส่วนและงดงาม
– พระกร(แขน)และพระหัตถ์(มือ)ข้างขวาในท่าปางมารวิช้ยนั้นจะมีมิติ,ความอ่อนช้อยเสมือนจริงมาก
– ซุ้มเรือนแก้วมีมิติและละเอียดงดงาม
– ฐานบัวคว่ำบัวหงายนั้นกลีบบัวทั้งบนและล่างจะติดชัดเจน
– ฐานมีทั้งแบบฐานสูงที่ไม่ได้ตัดเนื้อในส่วนที่อยู่ใต้ฐานออก และฐานเตี้ยแบบปกติที่มีการตัดส่วนที่อยู่ใต้ฐานบัวออกไป
จุดต่างๆจากภาพที่นำมาแสดงเหล่านี้สามารถนำไปแยกจากของปลอมได้ เพราะของปลอมรายละเอียดต่างๆจะทำได้ไม่เหมือน
– ในเรื่องของพิมพ์นั้นในอดีตที่ผ่านมาพระพุทธชินราชใบเสมา ที่ได้มีการนำมาศึกษาและเผยแพร่กันนั้น จะเป็นพิมพ์หน้าเดียวโดยด้านหลังจะเป็นหลังลายผ้าในเนื้อชินเงินหรือด้านหลังเรียบในเนื้อสัมฤทธิ์และเนื้อดินเผา แต่ในครั้งนี้ทางพิพิธภัณฑ์ฯ ได้นำพระพุทธชินราชใบเสมาเนื้อชินที่เป็น”พิมพ์ซ้อน”หรือ”พิมพ์ 2หน้า” ที่ยังไม่เคยมีใครนำมาแสดงให้ชมมาก่อน ซึ่งเมื่อพิจาคณาทั้งในเรื่องของเนื้อชิน,พิมพ์และความเก่าแล้วนั้น พบว่ามีครบถ้วนเหมือนกับพิมพ์ปกติที่เคยศึกษากันมาทุกประการ
– การสร้างเป็นการหล่อโบราณโดยช่างหลวง ดังนั้นในประเภทเนื้อชินองค์พระจะต้องมีความสมบูรณ์มีรายละเอียดติดคมชัดเจน, ผลงานเรียบร้อย โดยเอกลักษณ์ของพิมพ์ด้านหลังองค์พระจะพบเห็นรอยกดพิมพ์เป็นลายคล้าย”ลายผ้าใบ” ทุกองค์ และด้านหลังขององค์พระจะเป็นแอ่งเว้าลงไปด้านหน้าจากการกดพิมพ์ทุกองค์ ลายผ้าใบนั้นมีการทำปลอมให้เห็น แต่รายละเอียด,การหดตัวต่างๆจะทำได้ไม่เหมือน ต้องหมั่นสังเกตจากของแท้
ส่วนด้านหลังของเนื้อสัมฤทธิ์และเนื้อดินเผานั้นด้านหลังจะเรียบเต็มไม่ลึกเว้าเป็นแอ่งลงไปเหมือนเนื้อชิน และไม่มีลายผ้าใบ
2.วัสดุหรือโลหะที่ใช้สร้างคือเนื้อชินเงินถูกต้องหรือไม่ คำว่า”เนื้อชินเงิน”นั้นไม่ใช่หมายความว่ามีโลหะเงินเป็นส่วนผสมตามชื่อที่เรียก แต่เป็นชื่อเรียกตามลักษณะของสีเงินขององค์พระที่มองเห็นด้วยตา ซึ่งเป็นสีเงินวาวคล้ายเงินยวงของเนื้อชินที่มีดีบุกเป็นส่วนผสม
หลายท่านอาจจะมีความเข้าใจว่า พระพุทธชินราชใบเสมามีการสร้างเฉพาะเนื้อชิน แค่ความจริงแล้วมีการสร้างอยู่ 3เนื้อคือเนื้อชิน,เนื้อสัมฤทธิ์และเนื้อดินเผา ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์พุทธรักษา ได้เก็บรวบรวมมาให้ท่านสมาชิกได้พิจารณาทั้ง 3เนื้อรวมทั้งหมด 8องค์ดังนี้
1.”เนื้อชินเงิน”ทึ่นำมาให้ศึกษามีทั้งหมด 6องค์ เนื้อชินเงินนั้นมีส่วนผสมของดีบุกเเละตะกั่ว โดยจะมีปริมาณของดีบุกมากกว่าตะกั่ว ทำให้สีขององค์พระเป็นสีเงินอมเทาหรืออมดำ จึงเรียกกันว่า”เนื้อชินเงิน” ซึ่งสีของสนิมจะต่างจากพระร่วงรางปืนซึ่งเป็นเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง
2.”เนื้อสัมฤทธิ์” 1องค์ มีสนิมเขียวและคราบดินที่ฝังกรุ ที่อยู่ในสภาพเดิมๆ
3.”เนื้อดินเผา” 1องค์ ซึ่งพระเนื้อดินเผานี้จะพบเจอได้น้อยมาก โดยมีข้อมูลประกอบดังนี้
– รายละเอียดพิมพ์ด้านหน้าจะเหมือนกับพระที่เป็นเนื้อชินทุกประการ ซึ่งน่าจะเป็นช่างที่สร้างชุดเดียวหรือยุคเดียวกัน โดยองค์ที่นำมาแสดงจะเป็นแบบฐานสูง ส่วนด้านหลังจะเป็นหลังเต็มและเรียบ เมื่อมองด้านข้างจะมีความหนามากเมื่อเทียบกับเนื้อชิน
– ลักษณะของดินจะเป็นที่ดินกรองละเอียด มีแร่ดอกมะขาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของดินทางภาคเหนือ
– มีคราบกรุในซอกลึกๆให้เห็นเป็นธรรมชาติ
– เนื้อดินเผามีความเก่าสมอายุ,เนื้อดินมีความหนึกแกร่งมาก
3.อายุและความเก่าถูกต้อง
– อายุความเก่าแก่ประมาณ 600-700ปี สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ
-ไขของเนื้อชินที่ต่องมีทุกองค์ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยโดยเฉพาะในจุดที่ไม่ถูกสัมผัสหรือ ซอกลึกๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของพระเนื้อชินเก่าถึงยุค การทำปลอมนั้นพิมพ์และเนื้อจะทำได้ใกล้เคียงในคนที่ขาดประสบการณ์อาจจะสังเกตได้ยาก แต่ความเก่าของไขจะทำได้ไม่เหมือนคือทำไขปลอมโดยใช้แป้งและกาว หรือไม่มีไขให้เห็นเลย
-สนิมของเนื้อชินเงิน(มีดีบุกมากกว่าตะกั่ว) จะพบได้ในหลายรูปแบบ
1. เป็นเม็ดนูนเล็กๆสีดำหรือเป็นหลุมเล็กๆหรือเป็นร่องเรียกว่า “สนิมขุม”
2.เป็นเกล็ดเล็กๆลึกลงไปจากผิวเป็นขุยซ้อนเป็นชั้นๆสีค่อนข้างดำเรียกว่า “สนิมเกล็ดกระดี่”
3.เป็นสีเทาอมดำหรือสีน้ำตาลอมดำที่เรียกกันว่า”สนิมตีนกา”
– ไขของเนื้อชินซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อชินที่จะต้องพบเจอในพระเนื้อชินโบราณอายุหลายร้อยปี และต้องแยกให้ออกจากไขของพระปลอมที่ทำขึ้น เพราะสีและเนื้อของไขจะไม่เหมือนกัน ไขแท้จะเกิดจากผิวด้านในสะสมหนาบางไม่เท่ากันและเนื้อไขจะมีสีขาวขุ่นดูหนึกไม่แห้งดูเป็นธรรมชาติ แต่ไขปลอมจะทำจากแป้งและกาวจะแห้งและการเกาะตัวจะเป็นก้อนต่างจากไขแท้
– สุดท้ายคือการสังเกตความเก่าได้จากการหดตัวขององค์พระทั้งองค์ จะต้องมีการยึบตัว,หดตัวของผิว ทำให้องค์พระงอ,โค้งถ้ามองจากด้านข้าง ในพระปลอมที่ทำใหม่จะบวม ถ้ามองจากด้านข้างจะไม่มีการโค้ง,งอหรือบิดตัวให้เห็น
ในโอกาสต่อไปทางพิพิธภัณฑ์ฯจะได้นำพระเนื้อชินที่อยู่ในกลุ่มเบญจภาคีพิมพ์ที่เหลืออยู่ มาให้ท่านสมาชิกได้ศึกษาและพิจารณา
ท่านสามารถศึกษาพระเครื่องหมวดต่างๆเพิ่มเติมของ”พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา”แหล่งรวบรวมข้อมูลและสะสมพระพุทธรูป,พระบูชา,พระเครื่องทุกหมวดหมู่และเครื่องรางของขลังแบบต่างๆที่หาชมยากและมากที่สุดของเมืองไทย ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นวิทยาทาน โดยไม่มีจุดประสงค์เพื่อการค้าหรือการพาณิชย์ใดๆมาแอบแฝง ได้ที่ช่องทาง
-เว็บไซต์​ www.puttharugsa.com
-เฟสบุ๊คเพจ”พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา
-ช่องยูทูป” พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา”