พระเบญจภาคีเนื้อชิน “พระหูยาน” จ.สุพรรณบุรี
พิพิธถัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา ขอนำพระ “พระหูยาน” เนื้อชิน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัด ลพบุรี อายุราว 700-800ปี ซึ่งนำมาให้ชมเป็นลำดับที่ 3 ในกลุ่มพระเบญจภาคีของพระเนื้อชินของเมืองไทย
ข้อมูลที่กล่าวถึงประวัติการสร้างนั้นมีอยู่หลากหลายความเห็นเช่น
– สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าสุริยวรมัน ในขณะขอมเรืองอำนาจตามประวัติศาสตร์ และศิลาจารึก รวมถึงรูปภาพตามผนังศาสนสถาน บ่งบอกถึงพุทธศิลป์ของพระหูยาน สร้างตามแบบของความเชื่อในการเป็นตัวแทนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตามทัศนคติของช่างครูโบราณ พุทธศิลป์ของพระ จึงแสดงออกถึงความมีเมตตา แต่แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม -บางข้อมูลสันนิษฐานว่า มีการสร้างพระหูยานขึ้นในราวพุทธศักราช 1913-1931 ในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร แต่มีนักสะสมพระเครื่อง
-บางข้อมูลสันนิษฐานว่า “กรุเก่า” นั้นสร้างขึ้นในราวสมัยลพบุรีตอนปลาย ส่วน “กรุใหม่” สร้างขึ้นในรัชสมัยพระราเมศวร แต่พิมพ์ทั้งสองกรุเหมือนกันใน
พุทธลักษณะของพระหูยานมีลักษณะโดดเด่นที่พระกรรณ (ใบหู) กล่าวคือพระกรรณยาวลงมาจรดกับพระอังสา นักสะสมพระเครื่องจึงขนานนามชื่อพิมพ์ทรงเครื่อง เพื่อง่ายต่อการเรียกขานว่า “พระหูยาน” ซึ่งพบเห็นและเป็นที่รู้จักและนิยมกันทั่วไปมีทั้งสิ้น 3 พิมพ์ทรง คือ พิมพ์ใหญ่(หน้ายักษ์) พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก พระหูยานสามารถแบ่งแยกตามลักษณะของบัวฐานอาสนะได้ 2 แบบ คือ บัวชั้นเดียว และบัวสองชั้น ทั้งยังเรียกแบ่งแยกกันในพุทธลักษณะองค์พระปฏิมากร เป็นพิมพ์หน้ายักษ์ พิมพ์หน้านาง พิมพ์หน้าพระ ก็ตามแต่จะเรียกกัน แต่โดยพุทธลักษณะของพิมพ์ทรง “พระหูยาน” มีเพียง 3 ประเภท คือ ประเภทบัวชั้นเดียว มี 3 ขนาด พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก, ประเภทบัวสองชั้น มีเพียงขนาดเดียวและ ประเภทพิมพ์พิเศษ
“พระหูยาน” กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปฐมกรุ “พระเครื่องยอดขุนศึก” เมืองละโว้
ย้อนไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน มีการขุดค้นพบ พระหูยาน ในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดลพบุรี เป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2450 พระเครื่องดังกล่าวมีลักษณะโดดเด่นที่พระกรรณ (ใบหู) กล่าวคือ พระกรรณยาวลงมาจรดกับพระอังสา นักสะสมพระเครื่องจึงขนานนามชื่อพิมพ์ทรงเครื่อง เพื่อง่ายต่อการเรียกขานว่า “พระหูยาน” ซึ่งพบเห็นทั้งสิ้น 3 พิมพ์ทรง คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก
พุทธลักษณะของพระหูยาน
-เป็นพระเครื่องสกุลช่างลพบุรีผสมผสานกับอิทธิพลของขอมหรือเขมรโบราณ
-รูปองค์พระปฏิมากร ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ
-ประทับบนอาสนะบัวเล็บช้าง 5 กลีบ ลักษณะเกสรบัวเป็นจุดไข่ปลา เรียงรายอยู่บนกลีบบัวทั้ง 5 กลีบ
-พระเกศา เป็นแบบผมหวี เส้นเรียวเล็ก เรียงอย่างเป็นระเบียบ
-!ไรพระศก หรือไรพระเกศา เป็นเส้นลวดกลมเรียวเล็กวาดโค้งตามพระนลาฏ (หน้าผาก)
-(พระเกศมาลามุ่นขมวดเป็นรูปคล้ายดอกบัวตูม
-พระขนง (คิ้ว) ทำเป็นเส้นลวดกลมเรียวแบบปีกกา วาดจากพระกรรณ (หู) ข้างหนึ่งไปถึงอีกข้างหนึ่ง
-พระเนตร เป็นเม็ดกลมยาวรีคล้ายเม็ดงา กรอบพระเนตร เป็นเส้นนูนรี -พระนาสิก (จมูก) เป็นสันนูนโด่ง
-พระหนุ(คาง)สั้นงุ้มออกมาด้านหน้า
-พระกรรณ(ใบหู)ยาวจรดพระอังสา (บ่า) เป็นลักษณะโดดเด่นจนเป็นที่มาของชื่อพิมพ์พระเครื่อง
-พระโอษฐ์ (ปาก) แบะกว้างแบบพระพุทธรูปลพบุรี
-เส้นกรองพระศอ(คอ) ปรากฏเป็นเส้นคล้ายคลึงไหปลาร้าของคน
-ผ้าสังฆาฏิเป็นแผ่นพาด และปรากฏรอยขอบของจีวรเป็นเส้นเรียวเล็ก
-พระอุระ(อก)ผึ่งผาย ลำพระองค์วาดเว้า เห็นหน้าท้องที่นูนเล็กน้อย
-ด้านหลังองค์พระเป็นแอ่งเว้าลงไป มีทั้งแบบหลังลายผ้า และหลังตัน
พระหูยานแห่งกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี นับเป็น “ปฐมกรุ” ของพระหูยาน ซึ่งต่อมามีการค้นพบอีกมากมายหลายกรุ ทั้งในเมืองลพบุรี และเมืองอื่น ๆ สำหรับกรุในเมืองลพบุรี นอกจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุแล้ว ยังพบพระหูยานจากกรุวัดปืน กรุวิหารกรอ กรุวัดอินทรา กรุตาพริ้ง กรุตาอิน กรุถ้ำมหาเถร กรุวัดเจาะหู กรุยอดปรางค์ กรุวัดกำแพง กรุวัดราชบูรณะ แต่ละกรุมีคุณสมบัติในพิมพ์ทรงเป็นของตนเอง คล้ายคลึงกันในพิมพ์ทรง หากแต่ในรายละเอียดนั้นผิดเพี้ยนไปจากกันเล็กน้อย
กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุลพบุรี สันนิษฐาน ว่าเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ จนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นวัดแหล่งกำเนิดพระกรุมากมาย เช่น พระร่วงหลังลายผ้า พระหูยาน พระยอดขุนพล พระนาคปรก เป็นต้น
พระหูยานนั้นแตกกรุด้วยกัน 2 ครั้งที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเมื่ปีพ.ศ.2450 เรียกว่า พระกรุเก่า ครั้งที่ 2 ปีพ.ศ.2508 เรียกว่า พระกรุใหม่ พระกรุเก่ากับกรุใหม่เป็นพระที่มาจากแม่พิมพ์เดียวกัน ที่แตกต่างกันคือสภาพผิวภายนอกจากการใช้เท่านั้น ด้านหลังของพระหูยาน ส่วนใหญ่ที่พบเห็นจะเป็นแบบลายผ้า ลึกเป็นแอ่งน้อย ๆ
ท่านสามารถศึกษาพระเครื่องหมวดต่างๆเพิ่มเติมของ”พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา”แหล่งรวบรวมข้อมูลและสะสมพระพุทธรูป,พระบูชา,พระเครื่องทุกหมวดหมู่และเครื่องรางของขลังแบบต่างๆที่หาชมยากและมากที่สุดของเมืองไทย ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นวิทยาทาน โดยไม่มีจุดประสงค์เพื่อการค้าหรือการพาณิชย์ใดๆมาแอบแฝง ได้ที่ช่องทาง
-เว็บไซต์ www.puttharugsa.com
-เฟสบุ๊คเพจ”พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา
-ช่องยูทูป” พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา”