พระเบญจภาคีเนื้อชิน “พระร่วงรางปืน”กรุศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
“พิพธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา” ขอนำพระร่วงรางปืน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือที่เรียกกันว่า”กรุศรีสัชนาลัย” เนื่องมาจากวัดพระศรีฯนั้นตั้งอยู่ที่อำเภอ ศรีสัชนาลัย จังหวัด สุโขทัย มาให้ท่านสมาชิกได้ศึกษาและพิจารณาเป็นลำดับที่ 1ในเบญจภาคี ของพระเนื้อชินของเมืองไทย ซึ่งประกอบด้วย
1.พระร่วงรางปืน กรุศรีสัชนาลัย จังหวัด สุโขทัย
2.พระท่ากระดาน กรุเก่าศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี
3.พระหูยาน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี
4.พระพุทธชินราชใบเสมา กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก
5.พระมเหศวร กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี
ศิลปะของพระร่วงรางปืนเป็นแบบขอมหรือเขมรโบราณสมัยบายน อายุกว่า 700-800 ปี พุทธลักษณะเป็นพระยืนประทานพรอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ยอดซุ้มเป็นลายกนก แบบซุ้มกระจัง ด้านหลังองค์พระ มีร่องกดลึกลงไป เป็นร่องยาวตามองค์พระ จึงเป็นที่มาของคำเรียก “พระร่วงหลังรางปืน”
เนื้อพระเป็นเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง โดยผิวของพระบางองค์มีสีแดงเข้ม บางองค์สีลูกหว้า มีไขขาวแซมหนากว่าพระร่วงกรุอื่นๆ พระร่วงกรุนี้ แม้มีจำนวนน้อย แต่ก็แยกได้ถึงห้าพิมพ์ พิมพ์ใหญ่ฐานสูง พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย พิมพ์แก้มปะ พิมพ์หน้าหนุ่ม พิมพ์เล็ก ขนาดของพิมพ์ใหญ่จะสูงราว 8 ซม.กว้างราว 2.5 ซม.
พระร่วงรางปืนมีศิลปะสง่าผึ่งผาย ทั้ง5 พิมพ์
การพิจารณาพระแท้จะต้องมีครบทั้ง 3องค์ประกอบหลักคือ
1.พิมพ์และวิธีการสร้างถูกต้อง
-พิมพ์นั้นเกิดจากการออกแบบของช่างศิลป์ยุคโบราณที่มีความสามารถและความชำนาญสูง รายละเอียดต่างจึงต้องงดงาม,อ่อนช้อย, สมบูรณ์,มีมิติ รวมที่เรียกกันว่า”นิ่มตา”
-ลายกนกแบบหน้ากระจังรอบองค์พระด้านบนที่ชัดเจน ซึ่งในของปลอมรายละเอียดจะเบลอทำได้ไม่ใกล้เคียง
-รายละเอียดองค์พระเริ่มจากพระเศียรที่สวมหมวกชีโบที่มีมิติรายละเอียดงดงามลงมาถึงพระบาทด้านล่าง ทุกรายละเอียดจะมีความงดงามที่ของปลอมทำไม่ได้ ขอให้ท่านสมาชิกพิจารณาจากภาพตัวอย่างด้านล่าง
-การสร้างเป็นการหล่อด้วยแม่พิมพ์ องค์พระจะต้องสมบูรณ์ในรายละเอียด ส่วนของปลอมจะเบลอและหล่อได้ไม่เรียบร้อย นอกจากนั้นให้สังเกตร่องรอยแบบแม่พิมพ์โดยเฉพาะด้านหลังที่เป็นร่องเรียกว่ารางปืน จะมีเอกลักษณ์ ความยาวของร่องรางปืนจะยาวจากฐานล่างขึ้นไปด้านบนประมาณ 7ใน 8ส่วนของความสูงขององค์พระ และในร่องจะไม่เรียบจะมีเส้นขวางคล้ายกับข้อด้านในของกระบอกไม้ไผ่ผ่าซีก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแม่พิมพ์ด้านหลัง
2.มีความเก่าที่เหมาะกับอายุที่สร้าง 700-800 ปี เนื่องจากการตรวจหาอายุพระเนื้อชินนั้นยังไม่มีเครื่องมือชนิดใดตรวจสอบได้ จึงต้องอาศัยการสังเกตคุณสมบัติและลักษณะทางกายภาพเป็นหลัก พระเนื้อชินที่เก่าจัดนั้นควรจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
-สนิมของโลหะชินที่มีปริมาณตะกั่วมากกว่าดีบุกจะมีสนิมสีแดงที่เรียกกันว่า”ชินตะกั่วสนิมแดง” ซึ่งยิ่งอายุมากสนิมยิ่งมากคือมีความหนาของชั้นสนิมมากขึ้น
-สนิมแดงของเนื้อชินที่เก่ามากจะต้องมีความแห้งของชั้นสนิมและมีการแตกรานของชั้นสนิมให้เห็นเป็นธรรมชาติ จุดนี้จะบอกถึงความเก่าได้อีกทางหนึ่ง
-ไขสีขาวของเนื้อชินที่ผิว เป็นอีกจุดหนึ่งที่บ่งบอกความเก่าของพระเนื้อชินได้
ซึ่งทั้งสนิมและไขนั้นจะเกิดจากเนื้อในดันออกมาเป็นธรรมชาติที่เกิดตามกาลเวลา ต้องแยกจากสนิมและไขปลอมที่ทำขึ้นให้แม่นยำ เพราะธรรมชาติจะต่างกันชัดเจนมาก
3.วัสดุที่ใช้สร้างถูกต้อง สำหรับพระร่วงรางปืน โลหะที่ใช้สร้างคือ โลหะชินตะกั่ว ซึ่งหมายถึงโลหะผสมที่ระหว่างดีบุกและตะกั่วเป็นหลักโดยมีปริมาณของตะกั่วมากกว่าดีบุก ดังนั้นเมื่อนำพระร่วงไปตรวจด้วยเครื่องตรวจโลหะ จะต้องมีปริมาณตะกั่วและดีบุกที่ถูกต้องด้วย
“ทางพิพิธภัณฑ์ฯจะทยอยนำพระเนื้อชินอีก 4พิมพ์ที่อยู่ในกลุ่มเบญจภาคีเนื้อชินมาให้ชมในครั้งถัดไปจนครบทั้ง 5พิมพ์”
ท่านสามารถศึกษาพระเครื่องหมวดต่างๆเพิ่มเติมของ”พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา”แหล่งรวบรวมข้อมูลและสะสมพระพุทธรูป,พระบูชา,พระเครื่องทุกหมวดหมู่และเครื่องรางของขลังแบบต่างๆที่หาชมยากและมากที่สุดของเมืองไทย ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นวิทยาทาน โดยไม่มีจุดประสงค์เพื่อการค้าหรือการพาณิชย์ใดๆมาแอบแฝง ได้ที่ช่องทาง
-เว็บไซต์ www.puttharugsa.com
-เฟสบุ๊คเพจ”พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา
-ช่องยูทูป” พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา”