Select Page

สมเด็จวัดระฆัง ฉายา”องค์พุทธรักษา”

พระสมเด็จวัดระฆัง ฉายา”องค์พุทธรักษา” เป็นองค์หนึ่งเดียวของทาง “พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา” ที่มีความพิเศษสุดและมีความมหัศจรรย์ ที่แตกต่างจากพระสมเด็จวัดระฆังทั้งหมดที่เคยพบเห็นมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนี้ โดยมีข้อมูลรายละเอียดดังนี้
– เป็นเพียงองค์เดียวในจำนวนเฉพาะชุดของพระสมเด็จ(วัดระฆัง,วัดบางขุนพรหม,วัดเกศไชยโย)ทั้งหมดของทางพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมไว้กว่า 5,000องค์ ในช่วงเวลา 20ปี
– การเก็บพระสมเด็จทั้งหมดกว่า 5,000องค์ของทางพิพิธภัณฑ์นั้น จะเก็บอยู่ในกล่องและลิ้นชักตู้บุพื้นด้วยกำมะหยี่อยู่ในห้องปิดมิดชิดในสภาพแวดล้อมเดียวกันทุกองค์
– เป็นพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ยุคปลาย ของหลวงวิจารณ์ฯ โดยมีรายละเอียดพิมพ์คือ
พิมพ์ด้านหน้ามีรายละเอียดของพิมพ์ใหญ่ครบถ้วน และมีรอยแตกที่ผิวเป็นธรรมชาติ
พิมพ์ด้านข้างมีความบางและมีรอยปริแยกเป็นธรรมชาติ
พิมพ์ด้านหลัง เป็นลักษณะของเนื้อที่บรรจุลงในแม่พิมพ์ไม่เต็ม เมื่อถอดแม่พิมพ์และมีการปาดหรือกดที่ด้านหลัง เมื่อเนื้อเริ่มแห้งลงทำให้เนื้อมีการแยก,ยุบ,เหี่ยว,ย่นเป็นร่องลึก มีการหด,ยุบตัวมากตามการเวลากว่า 150ปี ซึ่งเป็นธรรมชาติที่มนุษย์ทำไม่ได้
– มวลสารหลักเป็นเนื้อปูนเปลือกหอยและมีมวลสารรองต่างๆเช่นก้อนพระสมเด็จเก่า,ทรายเงินทรายทอง,ก้อนสีน้ำตาลของพระกำแพงซุ้มกอ,ผงตะไบทอง(มีภาพ),เม็ดแร่สีต่างๆ,เม็ดขนาดเล็กสีขาว , แดง,เขียว,ดำ(มีภาพ) โดยมีน้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวประสาน เมื่อขยายภาพจะเห็นคราบสีน้ำตาลเข้มและเป็นตัวทำให้เนื้อพระสมเด็จมีความหนึกนุ่ม
– ความเก่าที่สมอายุกว่า 150ปี โดยพิจารณาจากกายุบตัวของมวลสารมีรอยเหี่ยวย่น,รอยแตกที่ผิว,การปริแยกด้านข้างและด้านหลัง,ช่องว่างรอบๆก้อนมวลสารขนาดใหญ่ที่เกิดจากการหดตัวเป็นธรรมชาติ(มีภาพ)
– มีเส้นผมหลายเส้นในมวลสาร มีลักษณะเป็นผลึกใส(มีภาพ)
ส่วน” ลักษณะพิเศษ ” ของพระสมเด็จวัดระฆัง “องค์พุทธรักษา” ที่มีความพิเศษสุดที่ไม่เหมือนและไม่พบในพระสมเด็จวัดระฆังองค์อื่นๆนั้นก็คือ
1.การมีผลึกสีขาวซึ่งเมื่อขยายด้วยกล้องกำลังสูงเป็นแท่งผลึกเหลี่ยมขนาดเล็กเกาะติดกันเป็นกลุ่มหลากหลายขนาด เกาะที่ผิวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนมากจะพบที่ด้านหน้าเนื่องจากองค์พระถูกวางหงายเอาด้านหน้าขึ้นและวางอยู่ในกล่องเก็บอยู่ในห้องพระเช่นเดียวกับพระสมเด็จองค์อื่นๆ
2.การเกิดผลึกสีขาวนั้นไม่ได้เกิดจากเนื้อปูนด้านในองค์พระงอกขึ้นมา แต่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดผลึกมาเกาะที่ผิวที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้
3.นอกจากผลึกแล้ว ยังมีเม็ดสีขาวใสบ้าง,มีสีขาวขุ่นเล็กน้อยคล้ายสีของฟันบ้าง โดยเกิดขึ้นมาที่ผิวองค์พระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยมีลักษณะรูปร่างของเม็ดจะมีรูปร่างกลมบ้าง,รีบ้างโดยลักษณะคล้ายกับเม็ด”พระธาตุทรายแก้ว”
4.เมื่อนำกล้องขยายกำลังสูงมาส่องเม็ดกลมและเม็ดรีสีขาวขุ่นจะพบรายละเอียดต่างๆดังนี้
– เม็ด(คล้ายพระธาตุ)ที่เกิดขึ้นจะแทรกอยู่ในกลุ่มผลึกสีขาว(มีภาพ)
– เม็ด(คล้ายพระธาตุ)ที่พบเป็นเม็ดรี,กลมแบบเม็ดเดี่ยวๆเกาะที่ผิว(มีภาพ)
– เม็ด(คล้ายพระธาตุ)ที่เป็น กลุ่มที่มีหลายๆเม็ดติดกัน
– เม็ด(คล้ายพระธาตุ)ที่มีการแบ่งตัว โดยมีการคอดตรงส่วนกลางหรือส่วนตรงปลายของเม็ดให้เห็นจากภาพขยายอย่างชัดเจน(มีภาพ)
5.ในโอกาสต่อไปจะมีการตรวจสอบทางคุณสมบัติขอวผลึกและเม็ดที่คล้ายพระธาตุทรายแก้วในเรื่ององค์ประกอบว่าเป็นแร่ธาตุชนิดใดต่อไป
จากความพิเศษและน่าอัศจรรย์ที่ยังหาคำอธิบายของการเกิดผลึกสีขาวและการเกิดเม็ดสีขาวขุ่นคล้ายกับเม็ดพระธาตุทรายแก้วไม่ได้นี้เอง ทำให้พระสมเด็จ”องค์พุทธรักษา” เป็นพระสมเด็จวัดระฆังที่มีความพิเศษต่างจากที่เคยพบเห็นและศึกษามาในช่วงกว่า 20ปี
ศึกษาพระเครื่องหมวดอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.puttharugsa.com และช่องยูทูป”พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวพุทธรักษา”